MarketTradeAbout usPromotionBlog
Login
English/THB

About us

Company ProfileExecutive SummaryAwards and CompliancesFinancial StatementsOur Team

Products

orbix AppProduct featuresCoin InfoTrading Conditions & Fees

Services

DownloadTerms & ConditionsPrivacy PolicyAML/CTPF PolicyCookie PolicyMarket Maker RulesTrading, Clearing & Settlement RulesListing and Delisting RulesSEC Check First

Support

Q&AAPI DocumentationWhistleblowing & ComplaintContactQuality of Service

About us

Products

Services

Support

Community

orbix Contact Center tel. (+66)20266107 (Everyday 08.00 - 19.00) | © 2017 - 2025 orbixtrade.com All rights reserved | Version. v1.17.0

We use cookies on the orbixtrade website to improve and personalize your browsing experience.
By clicking “Accept all” you agree to the use of cookies for analytical insights, and marketing, as described in our Cookies Notice.
If you disagree with the use of cookies for analytics and marketing, please click “Reject Optional Cookies”.
To manage your cookies preference, please click “Customize Cookies”.
blue triangle

Blog

Get the latest trading news

AllMarket Trends / InsightTrading GuideCrypto 101CampaignAnnouncementFAQHow to use orbix

รู้มั้ยว่ากราฟก็มีชีวิต?

By orbix • Publish in Trading Guide • Aug 24,2022 • 2 min read

รู้มั้ยว่ากราฟก็มีชีวิต ?

Elliott Wave เป็นทฤษฎีที่เปรียบเทียบกราฟเป็นวัฎจักร

โดยจะมีลักษณะเป็นลูกคลื่น ซึ่งพฤติกรรมนี้มีผลมาจากนิสัยของคนในตลาดที่ทำการเทรดเป็นกิจวัตรซ้ำๆ ทำให้เกิดเป็น Pattern จนสามารถนำมาคำนวนเป็นสูตรของ Elliott Wave ได้

ถ้ายกตัวอย่างทฤษฎีที่คล้ายกันก็จะมีทฤษฎี Product Life Cycle ที่บอกว่าสินค้าแต่ละอย่างนั้นจะมีอายุและวัฎจักรของมันอยู่

ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ หรือสิ่งของต่างๆ ที่เราซื้อมา ก็จะมีช่วงกระแสแรกๆ ที่ทุกคนให้ความสนใจกัน ไปจนถึงช่วงที่ทุกคนคุ้นชินและอิ่มตัวกับสินค้า หลังจากนั้นคนก็จะเริ่มหมดความสนใจ และสินค้าก็จะค่อยๆ เก่าลงเรื่อยๆ ต่อจากนั้นก็จะมีการออกสินค้ามาใหม่เพื่อให้เราซื้อ และเกิดเป็นวัฎจักรไปเรื่อยๆ

โดยวัฎจักรนี้จะมีการแบ่งโซนออกเป็นช่วงระยะเวลา 4 ช่วง คือ

  1. ช่วงแนะนำ (Introduction)
  2. ช่วงเติบโต (Growth)
  3. ช่วงอิ่มตัว (Maturity)
  4. ช่วงถดถอย (Decline)

————————————————————————————————————————————————————————————————

1-2-3-4-5 // A-B-C คืออะไร? ทำไมคนถึงต้องนับกันแบบนี้

Elliott Wave จะมีคลื่นอยู่ทั้งหมด 2 ประเภท

  1. Motive Wave คือคลื่นตามแนวโน้ม ซึ่งจะมีคลื่นย่อยอยู่ 5ตัว (1-2-3-4-5)
  2. Corrective Wave คือคลื่นสวนแนวโน้มหลัก ซึ่งจะมีคลื่นย่อย 3 ตัว (A-B-C)

“ความหมายและนิสัยของ 1-2-3-4-5 // A-B-C”

WAVE 1

คือ จุดที่กราฟเกิดจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่คิดว่าราคาลงมาถึงจุดที่ต่ำที่สุดแล้ว ราคาก็จะเด้งขึ้นไป แต่เมื่อถึงจุดที่ราคาทำ New high ใหม่แล้ว นักลงทุนกลุ่มนี้ก็จะเทขายเพื่อเก็งกำไร

WAVE 2 

คือ จุดที่กราฟเกิดราคาย่อต่ำลงมาจาก Wave 1 และหลังจากนั้นกราฟก็สามารถทำให้เกิด Higher High จาก Wave 1 ได้ ทำให้เกิดเป็นคลื่นใน WAVE 3 ต่อมา

WAVE 3 

หลังจากกราฟทำ Higher High ให้สูงกว่า WAVE 1 เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีแรงขายเพื่อเก็งกำไรจากการซื้อใน WAVE 2 จากนั้นกราฟก็จะตกลงมาสู่ WAVE 4

WAVE 4 

จะมีสมมติฐานว่า เป็น WAVE ที่นักลงทุนมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องมากที่สุด เช่น การกลัวตกรถ FOMO และข่าวสารข้อมูลต่างๆ จะหลั่งไหลเข้ามามากที่สุดในช่วงนี้ ทำให้เกิดแรงซื้อจนสามารถทำ Higher High เหนือ WAVE 3 ได้ และกลายมาเป็น WAVE 5

WAVE 5

จะเป็นการทำราคาสูงสุดของ Cycle หลังจากนั้นราคาก็จะวิ่งสวนทางกับเทรนด์ขณะนั้น และทำการปรับฐานของราคา หรือเรียกได้ว่าเป็นการทำ Corrective Wave (A-B-C) นั่นเอง

————————————————————————————————————————————————————————————————

กฎของ Elliot Wave หลักๆ นั้นมีอยู่ 3 ข้อ

ข้อที่ 1 : Wave 2 ห้ามต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของ WAVE 1

ข้อที่ 2 : Wave 4 ห้ามต่ำกว่าจุดสูงสุดของ WAVE 1

ข้อที่ 3 : Wave 3 ต้องไม่ใช่ Wave ที่สั้นที่สุด

หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เก่งมาก!!! สตางค์ขอปรบมือรัวๆ ให้! ถือว่าในวันนี้เราก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับทฤษฎี Elliot Wave กันไปคร่าวๆ แล้ว

highlight

Next article

orbix

Content Writer