การที่ ETF บิตคอยน์ ผ่าน ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ เพราะเปิดประตูให้ “เงินทุนสถาบัน” เข้ามาในตลาดได้อย่างถูกกฎหมาย คล้ายกับตอนที่ทองคำมี ETF ครั้งแรกในปี 2004

มีรายงานว่า Bitcoin ทำจุดสูงสุดอีกครั้ง “เหนือ $126,000” โดยแตะระดับ $126,080 ก่อนจะทรงตัวที่ราคาลดลงเล็กน้อย ไปอยู่ที่ ~$124,250 ช่วง 11.00น. และนี่คือ 3 ปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ตลาดคริปโตขึ้นต่อ

การเล่นคำผสมระหว่าง “Up” + “October” ชื่อเล่นสำหรับแนวโน้มตลาดคริปโตที่มักมีแนวโน้มบวกในเดือนตุลาคม

“Uptober” คือคำเล่นคำผสมระหว่าง “Up” + “October” หมายถึงปรากฏการณ์ที่ในอดีต ตลาดคริปโต (โดยเฉพาะ Bitcoin) มักจะมีแนวโน้ม “เขียว” หรือขึ้นแรงในเดือนตุลาคม เป็นหนึ่งในฤดูกาลที่เหล่านักเทรดคริปโตชอบอ้างอิงกัน​

นักลงทุนต่างจับตา FOMC วันพฤหัสบดี เวลา 01.00 น. ซึ่งการลดดอกเบี้ยโดยพื้นฐานจะเป็นปัจจัยหลักให้เงินเฟ้อมากขึ้น และมีโอกาสที่เงินจะไหลเข้าสินทรัพย์อย่าง บิตคอยน์

บริษัทสะสมบิตคอยน์ที่นักลงทุนต้องจับตา

ตอนนี้เริ่มมีหลายประเทศจัดตั้งกองทุนสำรองคริปโต (Crypto Reserve Fund) หรืออย่างน้อยก็เสนอแผนอย่างจริงจัง เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การเงินระดับชาติ จากเดิมที่ฟังดูเหมือน “แนวคิดในโลกอนาคต” ปัจจุบันกำลังเกิดขึ้นจริงแล้ว

วันที่ 1 ก.ย. 2025 เหรียญ World Liberty Financial (WLFI) ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ เริ่มเปิดเทรดบนกระดานใหญ่ทั้ง Binance, OKX และ Bybit

กองทุน Bitcoin ของ BlackRock มีเงินไหลเข้าเพิ่มอีกราว 50 ล้านดอลลาร์ เข้าใจง่ายๆ คือ “นักลงทุนรายใหญ่” ยังเอาเงินเข้ามาซื้อบิตคอยน์ผ่านกองทุนต่อเนื่อง ไม่ได้หนีไปจากตลาด