มาดูความเป็นมาของ Ethereum กัน!

รู้จักผู้สร้างEthereum : Vitalik Buterin

ก่อนที่เราจะเล่าถึงความเป็นมาของ Ethereum ซึ่งเป็นเหรียญพี่รองมาอย่างยาวนาน และหาทางโค่นลงได้ยาก เราต้องมากล่าวถึงอีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลต่อตลาด Cryptocurrency มากที่สุด และเป็นบิดาผู้ให้กำเนิด  Ethereum อย่าง Vitalik  Buterin กันก่อน

Vitalik เป็นโปรแกรมเมอร์ชาวแคนาดา-รัสเซีย ผู้ก่อตั้ง Bitcoin Magazine และ ผู้ก่อตั้ง Ethereum หนึ่งในคนสำคัญของวงการ Cryptocurrency Vitalik รู้เรื่อง Bitcoin จากพ่อตอนอายุ 17 ในปี 2011 มันทำให้เขาสนใจเป็นอย่างมาก จึงไปร่วมงาน Bitcoin Forum ในปีนั้น แล้วพบกับเจ้าของ Bitcoin Weekly ที่ประกาศว่าจะจ่าย 5 BTC สำหรับใครก็ตามที่เขียนบทความให้เขา Vitalik ตอบตกลง และร่วมมือกับ Mihai Alisie ก่อตั้ง Bitcoin Magazine และยังเป็น Senior Writer เอง จนถึงปี 2014 จึงเลิกเขียน และหันมาให้ความสนใจกับการพัฒนา Ethereum แบบเต็มตัว

กำเนิด Ethereum

ในปี 2013 มีการปล่อย White Paper ของ Ethereum ออกมา โดย Vitalik เห็นว่า Bitcoin ควรมีภาษา (Scripting Language) ให้โปรแกรมเมอร์ใช้ในการพัฒนา Application จึงเป็นที่มาของ Ethereum Project

ปี 2015 Vitalik และผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง Gavin Wood และ Joseph Lubin เปิดตัว Ethereum Blockchain  โดยเหล่าผู้ก่อตั้งให้นิยาม Ethereum ไว้ว่าเป็น Platform ที่รวมการพัฒนา Software และ Decentralized Mining Network เข้าด้วยกัน ทำหน้าที่เป็น Platform ในการสร้าง Decentralized Application ที่เป็นระบบปฏิบัติการบนพื้นฐานของ Blockchain  ที่เปิดโอกาสให้ใครก็ตามสามารถทำงานโดยใช้ Smart Contract และ Decentralized Application ได้ แน่นอนว่ามันสร้างสกุลเงิน Crytocurrency ได้เช่นกัน เหรียญ Crytocurrency ที่สร้างบน Ethereum-Based ที่คนไทยเราคุ้นตากันอย่างดีเช่น OMG จากค่าย OMisego ที่ Viatlik ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษานั่นเอง

ปี 2019 Vitalik เรียกเสียงฮือฮาในวงการ Crytocurrency อีกครั้ง เมื่อเขามีแผนการอัพเดท Ethereum 2.0 ที่จะลด Traffic ของธุรกรรมต่างๆ บน Blockchain ส่งผลให้ต้นทุนค่า Network ลดตาม เหล่า Node Validator ก็จะได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น ลดปัญหาความล่าช้าดังเดิมที่ Ethereum รองรับธุรกรรมได้เพียง 30 ธุรกรรมต่อ 1 วินาที ซึ่งมันไม่เพียงพออีกต่อไป แต่อะไรดลใจเหล่า Trader ก็ไม่ทราบได้ ระหว่างที่กำลังทดสอบระบบ phase 0 อยู่นั้น ราคา ETH ร่วงต่ำสุดกว่า 11% เลยทีเดียว โดย Ethereum 2.0 นี้จะเปลี่ยนวิธีการดั้งเดิมอย่าง Proof of Work เป็น Proof of Stake ที่จะสุ่มให้เหล่านักขุดจำนวนหนึ่งเป็นคนตรวจสอบธุรกรรม (Validator) และ Stake Crypto

เพื่อยืนยันสิทธิ์ในการตรวจสอบ เมื่อเหล่า Validator ตรวจสอบได้ตรงกันแล้วก็จะเพิ่ม Block ลงใน Blockchain และเหล่า Validator จะได้ รับเหรียญ Crypto แน่นอนว่ามันประหยัดพลังงานกว่าวิธี Proof of Work แน่นอน

ปัจจุบัน Ethereum ได้กลายเป็นรากฐานสำคัญของ Cryptocurrency กลายเป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายสูงเป็นอันดับ 2 รองจาก Bitcoin และการทำ Smart Contract ต่างๆ ก็ขาด Ethereum ไปไม่ได้ จริงๆ แล้วก็สามารถใช้เหรียญอื่นแทนได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม Ethereum ก็ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ดี ถ้าใครอยากจะลองลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอนาคตไกลอย่าง Ethereum ดูบ้างแล้วล่ะก็ สามารถสมัครสมาชิกแล้วเริ่มเทรดกันได้เลย ที่นี่ https://satangcorp.com/exchange/th/register เพียงแค่ไม่กี่ขั้นตอนคุณก็สามารถเป็นเจ้าของ Ethereum ได้แล้ว