By Digital Trader • Publish in Crypto 101 • Mar 15,2021 • 3 min read
หลายคนที่เข้ามาลงทุนคริปโทในตลาดไม่นานอาจสับสนว่า Bitcoin คือ Blockchain ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะ Bitcoin เพียงนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้เป็นระบบหลังบ้านเท่านั้น
ทุกวันนี้เวลาต้องการทำธุรกรรม เช่น การโอนเงิน หรือการซื้อขายที่ดิน ก็จะมีตัวกลางเกิดขึ้นเสมอ เช่น ธนาคาร หรือกรมที่ดิน ซึ่งสถานที่เหล่านั้นเพียงถูกยอมรับจากคนหมู่มากว่ามันน่าเชื่อถือ โดยหากถามว่าความน่าเชื่อถือนั้นเกิดขึ้นในตัวระบบจริงหรือไม่ ก็ยังไม่สามารถตอบได้ แต่อำนาจทั้งหมดจะถูกควบคุมด้วยตัวกลาง และก็ไม่ได้การันตีว่าทุกอย่างที่อยู่ที่ตัวกลางนั้นจะไม่ถูกปลอมแปลง หรือมีความปลอดภัยจริงๆ ซึ่ง Blockchain จะเข้ามาแก้ปัญหาตรงนี้
Blockchain จะเข้ามาแก้ไขปัญหา?
Blockchain คือรูปแบบการเก็บข้อมูล (Data Structure) แบบหนึ่งที่ทำให้ข้อมูลสามารถแชร์ไปยังทุกคนได้ ลักษณะเป็น Chain ที่ทำให้ Block ของข้อมูลทั้งหมด Link ต่อไปยังทุกคน หาก Block ของข้อมูลได้ถูกบันทึกลงใน Blockchain แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลง และหากใครต้องการที่จะเพิ่มข้อมูล ทุกๆ คนในเครือข่ายที่มีสำเนาสามารถตรวจสอบการทำธุรกรรมได้ และจะได้รับอนุญาตต่อเมื่อในเครือข่ายส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าถูกต้อง
ดังนั้นการมาของ Blockchain จะเป็นตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวกลาง เพื่อทำให้ความน่าเชื่อถือของธุรกรรมบนโลกออนไลน์นั้นมีมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นคนสองคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ก็สามารถเเลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ และอาจเป็นจุดเปลี่ยนของโลกการเงินไปเลย
ทำไม Blockchain ถึงปลอดภัย?
หากต้องการทำธุรกรรมบนระบบของ Blockchain ทุกการทำธุรกรรมจะต้องได้รับการเข้ารหัส และมีการตรวจสอบเสมอ ยกตัวอย่างเช่นการโอนเงิน ผู้โอนจะต้องยืนยันตัวตนก่อน
หลักการทำงานคือ ตัวระบบจะทำการตรวจสอบโดยใช้สิ่งที่เรียกว่า Public Key ที่ออกมาคู่กับ Private Key ของผู้ที่ร้องขอ Transaction นี้ ถ้าหาก Key นั้นไขความลับนี้ได้แสดงว่าเป็นเจ้าของตัวจริง ซึ่งผู้ที่มี Private Key เท่านั้นที่จะสามารถสร้างคำขอรหัสนี้ได้
เมื่อการยืนยันสำเร็จเเล้ว ระบบจะ Hashing (ประทับตราว่าดำเนินการแล้วลงไป) เพื่อป้องกันการแก้ไข
การโอนเงินใน Blockchain ทำอย่างไร?
นาย A ต้องการโอนเงินให้ นาย B โดย A จะต้องกรอกข้อมูลบัญชีของ B ลงไปพร้อมทั้งใส่จำนวนเงิน และขั้นตอนสุดท้ายคือการใส่ Private Key เพื่อระบุตัวตนว่าเป็นเจ้าของเงิน แต่ตัว Blockchain จะไม่ระบุตัวตนว่าใครเป็นใคร เพียงแค่บอกว่ามีการทำธุรกรรมนี้เกิดขึ้น
หลังจากที่การโอนเงินเสร็จเรียบร้อย ระบบจะทำการสร้าง Transaction ขึ้นมาเพื่อบอกว่าใครทำอะไร โดยระบบจะตรวจสอบเพื่อดูความถูกต้องว่านาย A มีเงินพอที่จะโอนหรือไม่ และ Transaction นั้นจะถูกระบุลงไปในข้อมูลของแต่ละคน เพื่อที่จะสามารถรู้ความเป็นไปของแต่ละบัญชีนั้นได้
ระบบจะทำการนำ Transaction ทั้งหมดนั้นมารวมกันเป็น Block ซึ่งระบบจะนำข้อมูลใน Block เข้าไปที่ Hash Function เพื่อป้องกันคนมาแก้ไข Block นั้น และจะได้เป็นชุดตัวเลข 0x.. ออกมา
ระบบจะนำ Block มาต่อกันให้เป็น Chain จึงเป็นที่มาของ Blockchain และสามารถดูข้อมูลจาก Block ย้อนหลังเพื่อเช็คยอดเงินที่มีได้ด้วย
สุดท้ายระบบก็จะกระจายข้อมูลที่อัพเดทล่าสุดออกไปให้กับ Server อื่นๆในระบบ ว่ามีการอัพเดทใหม่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่ง Server อื่นๆ ก็จะตรวจสอบความถูกต้องของ Block ใหม่ได้ว่า ทุก Transaction สามารถทำได้ไหม มีการแก้ไขอะไรหรือไม่ ซึ่งถ้าพบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง Server อื่นๆ ก็จะถูกยกเลิก แต่ถ้าหากถูกต้อง ข้อมูลล่าสุดก็จะถูกบันทึกลงไปใน Block ทันที
Blockchain คืออนาคต
Blockchain เป็นรูปแบบการเก็บข้อมูลแบบหนึ่งที่ไม่มีศูนย์กลางแต่มีความน่าเชื่อถือสูง ในปัจจุบันการทำธุรกรรมยังต้องใช้บุคคลที่สามเป็นตัวกลาง แต่เมื่อระบบ Blockchain ถูกนำมาใช้งานกันอย่างทั่วถึงมากขึ้นจะทำให้เราสามารถตัดตัวกลางเหล่านั้นออกไปได้ เพื่อความปลอดภัย และความน่าเชื่อในข้อมูลของการทำธุรกรรมนั้นก็จะมากยิ่งขึ้น
Content Creator
Digital Trader ผมวิเคราะห์ตามหลักสถิติประยุกต์ หลักการของแท่งเทียน และประสบการณ์ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา
รู้จักกับการลงทุน Bitcoin
ปัจจุบันเราจะเห็นคนเริ่มเข้ามาลงทุนใน Bitcoin หรือ Cryptocurrency อื่นๆ กันเป็นจำนวนมาก มีทั้งที่ได้กำไรและขาดทุน แต่คนเหล่านั้นรู้จักการลงทุนใน Bitcoin และ Cryptocurrency ดีแค่ไหนกัน? Bitcoin นั้นมีที่มายังไงและทำไม Bitcoin ถึงมา Disrupt โลกของการเงินได้ เราจะมาไขข้อสงสัยนั้นกัน
Digital Trader
Dec 20,2023
3 min