Dow Theory ทฤษฎีอมตะใช้เทรดคริปโต

Dow Theory ทฤษฎีอมตะใช้เทรดคริปโต

Dow Theory หรือ ทฤษฎีดาวนั้น มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 100 ปี ถูกคิดค้นโดยบุคคลที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งการวิเคราะห์ทางเทคนิคของฝั่งตะวันตกนามว่า Charles H. Dow ถือเป็นทฤษฎีอันดับ 1 ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดเเม้ว่าระยะเวลาจะผ่านมานานกว่า 100 ปี ทฤษฎีของ Dow ยังคงถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ทางเทคนิคในทุกตลาดตั้งเเต่หุ้นไปจึงถึงสกุลเงินดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ทฤษฎีนี้ถือว่าเป็นเเม่เเบบของการเทรดเเบบเทคนิคอลเลยก็ว่าได้ โดยในบทความนี้จะกล่าวถึงเเนวคิดหลักๆของ Dow Theory ให้เข้าใจเเบบง่ายเเละนำไปปรับใช้ในการเทรดสกุลเงินดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น

เทรดสกุลเงินดิจิทัลให้ได้กำไรด้วย Dow Theory นั้นมีเเนวคิดอยู่หลักๆ 4 ข้อ

1. “กราฟ” ได้สะท้อนเหตุการณ์ และข่าวสารต่างๆที่เกิดขึ้นหมดเเล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ พฤติกรรมความต้องการของคนในตลาด หรือปัจจัยพื้นฐานต่างๆ Dow เชื่อว่าได้ถูกสะท้อนออกมาเป็นราคา ณ ขณะนั้นเรียบร้อยแล้ว การ Halving ของ Bitcoin หรือ การโพสทวิตเตอร์ ของ Elon Musk ต่างก็ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของกราฟทั้งสิ้น เช่น ตอนที่ Elon Musk ได้ตั้งสเตตัสบนทวิตเตอร์ว่า #Bitcoin ทำให้ราคาพุ่งทันที 20%

---

2. การเคลื่อนไหวของตลาดนั้นหลักๆจะมีอยู่ 3 ระยะ

เทรนด์หลัก             (Primary trend)         = ระยะยาวตั้งเเต่ 1 ปีขึ้นไป

เทรนด์ระยะกลาง     (Intermediate trend)   =  3 สัปดาห์ – 3 เดือน หรือมากกว่า

เทรนด์ระยะสั้น         (Minor trend)            = รายวัน – 3 สัปดาห์ หรือมากกว่า

3. ก่อนจะเกิดเทรนด์ต้องมีปริมาณการซื้อ-ขายที่สอดคล้องเสมอ

เมื่ออยู่ในช่วงเทรนด์ขาขึ้น ปริมาณการซื้อควรเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องเทรนด์ขาขึ้น หากอยู่ในช่วงเทรนด์ขาลง ปริมาณการขายควรเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องเทรนด์ขาลง ถ้าหากปริมาณการซื้อ-ขาย ไม่สอดคล้องกับเทรนด์เเสดงว่าเทรนด์ที่เราเห็นไม่มีความน่าเชื่อถือ

4. เทรนด์จะเกิดขึ้นต่อเนื่องจนกว่าจะเกิดการเปลี่ยนเเปลงที่ชัดเจน

เทรนด์จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะเกิดสัญญาณเปลี่ยนเทรนด์ ไม่ว่าเทรนด์นั้นจะเคลื่อนไหวเป็นระยะเวลานานเเค่ไหนหรือราคาเท่าไหร่ ให้รอจนกว่าจะเกิดสัญญาณการเปลี่ยนเทรนด์ โดยเทรนด์ขาขึ้น จะทำจุดต่ำสุดใหม่ (HL) ที่สูงกว่าจุดต่ำสุดเก่า เเละจุดสูงสุดใหม่ (HH) จะสูงกว่าจุดสูงสุดเก่า ระยะเวลาที่กราฟวิ่งขึ้นจะยาวกว่าระยะเวลาที่กราฟวิ่งลง

(HH) = higher high  คือจุดที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

(HL)  = higher low   คือจุดที่ต่ำสุดที่ยกตัวสูงขึ้น

เทรนด์ขาลงจะทำจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดเก่า (LL) เเละจุดสูงสุดใหม่จะต่ำกว่าจุดสูงสุดเก่า (LH) ระยะเวลาที่กราฟวิ่งลงจะยาวกว่าระยะเวลาที่กราฟวิ่งขึ้น

(LH) = Lower high  คือจุดที่สูงสุดที่ลดตัวต่ำลงมา

(LL)  = Lower low   คือจุดที่ต่ำสุดที่ลดลงมาเรื่อยๆ