อัปเดตข่าวสารการซื้อ-ขายจากเรา
เขียนโดย orbix • หมวดหมู่ คริปโท 101 • 16 ม.ค. 2567 • เวลาอ่าน 2 นาที

“เงิน” ที่เรารู้จักว่าเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้าในปัจจุบัน แต่ในอดีตประวัติศาสตร์ เราใช้อะไรแทนเงินมาดูกันจากบทความนี้เลย “วิวัฒนาการของเงิน”
🔷Barter Trade 6000 ปี ก่อนคริสตกาล
ระบบการแลกเปลี่ยนแบบของต่อของ (barter system) คือ การแลกเปลี่ยนของตามที่ตกลงกัน แต่ข้อเสียของระบบ Barter Trade นั้นมีหลายประการด้วยกัน แต่เหตุผลหลักคือ มันไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจนว่าการนำสินค้ามาแลกเปลี่ยนกัน ต้องแลกเปลี่ยนกันในอัตราเท่าไร รวมถึงความยากลำบากในการพกพาและการขนส่งอีกด้วย
🔷ทองคำ (ค.ศ.1816)
เมื่อ Barter Trade มีประสิทธิภาพต่ำ จึงเริ่มมีการใช้สิ่งของบางอย่างมาเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนตั้งแต่เปลือกหอย ยันไปถึงโลหะประเภทต่าง ๆ จนในท้ายที่สุด สิ่งที่ถูกเลือกให้เป็นตัวแทนในการแลกเปลี่ยนเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นสากลที่สุดก็คือราชาโลหะอย่างทองคำนั่นเอง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ทองคำนั้นถูกเลือกเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนก็คือ ความหาได้ยาก พิสูจน์ความจริงแท้ได้ง่าย และที่สำคัญคือมนุษย์สามารถเเทรกแซงกำลังการผลิตทองคำได้ยากมาก
🔷Gold Standard (ค.ศ.1870 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20)
เมื่อใช้ไปได้ซักระยะหนึ่ง ทองคำเองก็มีปัญหาในการนำไปใช้งานเช่นกันเพราะจริงอยู่ที่มันมีความสะดวกกว่าระบบ Barter Trade แต่ก็ยังยุ่งยากอยู่ดีในการพกพาเคลื่อนย้าย หรือแบ่งซอยให้เล็กลง จึงมีการพัฒนานำเงินกระดาษและเหรียญเข้ามาใช้ แต่เงินกระดาษและเหรียญเหล่านั้นก็ยังถูก Peg ไว้ด้วยทองคำอยู่กล่าวคือ เงินกระดาษและเหรียญทั้งหมดถูก Back ไว้ด้วยทองคำนั่นเอง
🔷Bretton Wood System (ช่วง ค.ศ. 1944-1971)
การเกิดสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง ส่งผลให้เงินกระดาษเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ไม่สมดุลกับปริมาณทองคำ และประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ ขั้วอำนาจของโลกได้เปลี่ยนไปจากประเทศในฝั่งยุโรปย้ายฝั่งมาเป็นทางสหรัฐอเมริกาแทน เนื่องจากประเทศในแถบยุโรปได้รับความบอบช้ำจากภาวะสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง รวมถึงสหรัฐฯ เองเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่กับประเทศทางฝั่งยุโรปที่รบกันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางสหรัฐฯ ได้ขอให้ประเทศแต่ละประเทศชำระหนี้ด้วยทองคำแทนเงินกระดาษ
ในส่วนของรายละเอียดของระบบ Bretton Woods นั้นก็มีความคล้ายคลึงอยู่กับระบบ Gold Standard เดิม แต่ที่แตกต่างไปก็คือ มีการกำหนดให้ทองคำและเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ และกำหนดให้เงินดอลลาร์มีค่าคงที่กับทองคำ โดยได้กำหนดให้ทองคำ 1 ออนซ์ เท่ากับ 35 ดอลลาร์ และดอลลาร์สามารถเปลี่ยนเป็นทองคำได้โดยไม่จำกัด จะเห็นได้ว่าจากเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้ความน่าเชื่อถือของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ และข้อเสนอดังกล่าวนี้แหละที่เป็นต้นเหตุให้ราคาทองคำและเงินดอลลาร์สหรัฐฯสวนทางกันในปัจจุบันนี้
โดยเราอาจสรุปได้ว่าระบบ Bretton Woods นี้เองที่ทำให้สหรัฐฯมีบทบาทมากที่สุดในระบบเศรษฐกิจโลกซึ่งลากยาวมาถึงปัจจุบันนี้ เนื่องมาจากเงื่อนไขสำคัญที่ให้ทุกชาติต้องผูกค่าเงินไว้กับทองคำหรือดอลลาร์และกำหนดให้ทุกประเทศสามารถนำเงินดอลลาร์ที่ตนมีมาแลกกับทองคำจากสหรัฐฯ ได้ในอัตรา 35 ดอลลาร์ต่อ 1 ออนซ์
🔷ยุคปัจจุบัน Fiat System (ค.ศ. 1971-ยุคปัจจุบัน)
ในวันที่ 15 สิงหาคม 1971 ประวัติศาสตร์การเงินของโลกได้บันทึกไว้ว่า เป็นวัน ‘Nixon’s Shock’ เนื่องจากเป็นวันที่ประเทศสหรัฐฯ ประกาศงดรับแลกเงินดอลลาร์ เป็นทองคำ และถือเป็นการล่มสลายของระบบ Bretton Woods ไปด้วยนั่นเอง ซึ่งเหตุการณ์ ณ ตอนนั้นทำให้หลายฝ่ายเชื่อกันว่ามันคือจุดจบของเงินดอลลาร์และทางสหรัฐฯ ไปในตัวแต่ในเรื่องจริงแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น
บทความถัดไป

Content Writer

RSI คืออะไร?
RSI มาจากคำว่า Relative Strength Index คือ อินดิเคเตอร์ตัวชี้วัดความแข็งแรงของตลาด
orbix
22 ธ.ค. 2566
2 นาที

กองทุน Bitcoin ETF คืออะไร?
สำหรับมือใหม่ในวงการ Cryptocurrency คงเคยได้ยินชื่อ Bitcoin ETF จากข่าวกองทุน ข่าวประเด็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อตลาดคริปโต ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงต้นปีนี้ เรามาดูกันดีกว่าว่ากองทุน Bitcoin ETF คืออะไร? แล้วทำไมไม่ลงทุนใน Bitcoin โดยตรงเลย? เราจะมาเล่าให้ฟัง
orbix
12 ม.ค. 2567
3 นาที
เพราะปริมาณเงินดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในช่วงนั้นได้กระจัดกระจายไปอยู่กับทุกๆประเทศและถือเงินดอลลาร์เป็นหนึ่งในทุนสำรองกันทั้งหมด โดยเฉพาะประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯมาตลอด เช่น ญี่ปุ่น พูดง่าย ๆ ก็คือทุกประเทศเก็บสะสมความมั่งคั่งของตัวเองในรูปเงินดอลลาร์กันไปเป็นจำนวนมาก (แม้จะเก็บทองคำด้วย แต่ก็ยังน้อยกว่าดอลลาร์อยู่ดี) การยุติบทบาทของดอลลาร์จะเป็นการทำให้ระบบการเงินของโลกพังครืนลงเลยทีเดียว ซึ่งทุก ๆ ประเทศคงไม่ยอม
สำหรับ Fiat System นั้นสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่าย ๆ เลย คือระบบการเงินที่ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมาหนุนอีกต่อไปแค่เชื่อใจในประเทศนั้นก็พอแบบนี้เลยครับ ซึ่งมันแทบจะแตกต่างจากยุคก่อนอย่างสิ้นเชิง โดยสาเหตุที่ระบบมันออกมาเป็นแบบนี้ก็เพราะ มหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ เองไม่รู้จะหาทางลงอย่างไรหลังจากการล่มสลายของ Bretton Woods เพราะปริมาณดอลลาร์ในระบบนั้นมันมหาศาลมากนั่นเองก็เลยสรุปว่าให้เชื่อในตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เอง ซึ่งทุกประเทศก็ต้องยอมไปเพราะตอนนั้นดอลลาร์มันได้กระจายอยู่ทุกส่วนในโลกไปหมดแล้ว
🔷ยุคอนาคต (ฺBitcoin Standard) ปี 2009
ระบบเงินอิเล็กโทรนิคที่มีความกระจายศูนย์อย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีใครที่เป็นเจ้าของอย่างแท้จริง สกุลแรกของโลกคือ “Bitcoin” เมื่อระบบ Fiat System เริ่มสั่นคลอนจากการก่อหนี้ที่ไม่หยุดยั้งจากทางสหรัฐอเมริกาและ ประเทศอื่น ๆทั่วโลก ในยุคถัดไปก็มีโอกาสที่ตัว Bitcoin เองจะถูกนำมาใช้เป็นเงินของโลกได้ เพราะการจะกลับไปใช้ทองคำนั้นก็เป็นไปแทบไม่ได้แล้วเนื่องจากโลกยุคปัจจุบันขับเคลื่อนด้วย Internet แทบทุกอย่าง ทองคำอาจมีคุณสมบัติของเงินที่ดีในอดีตก็จริง แต่ Bitcoin นั้นเปรียบเสมือนทองคำ 2.0 ที่มี Feature ของ Internet เสริมเข้าไปด้วย ดังนั้นในยุคต่อจากนี้ Candidate ที่มีโอกาสมากที่สุดของการเงินยุคถัดไปก็คือตัว Bitcoin นั่นเอง
