จากสินทรัพย์ต้องห้ามปี 1933 สู่ปี 2025 ของที่ทั้งโลกต้องมี ทองคำ & บิตคอยน์

 

Part 1: ทองคำเคยถูกต่อต้าน… 

 

ปี 1933 — รัฐบาลสหรัฐฯ “ห้ามถือทอง”

• Executive Order 6102: ห้ามประชาชนถือทอง ต้องส่งคืนรัฐบาล
• รัฐมองว่าทอง “ขัดขวางการควบคุมค่าเงิน” เพราะทำให้พิมพ์เงินไม่ได้

เทียบกับ Bitcoin ตอนนี้:

หลายประเทศ (รวมถึงสหรัฐฯ ในบางช่วง) พยายาม “จำกัด” การใช้หรือถือครอง Bitcoin ด้วยข้ออ้างเรื่องภาษี, ความเสี่ยง, หรือการฟอกเงิน

แต่ในอีกมุม — มันสะท้อนว่า Bitcoin เริ่ม “มีอิทธิพลต่อระบบเงิน” มากพอให้รัฐต้องหันมาสนใจ

 

ปี 1960s — ระบบ “ตรึงราคาทอง” ผ่านกลุ่ม London Gold Pool

• รัฐบาลพยายามตรึงราคาทองไว้ $35/ออนซ์ เพื่อไม่ให้ตลาดทองกระทบค่าเงิน
• สุดท้ายระบบล่ม เพราะตลาดเสรีใหญ่เกินกว่ารัฐบาลจะควบคุม

เทียบกับ Bitcoin ตอนนี้:

รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกยัง “พยายามควบคุมราคา” ผ่านกฎหมายและนโยบาย — เช่น ภาษี, การจำกัด Stablecoin, หรือการชะลอ ETF

แต่ตลาดคริปโตเองก็ “ใหญ่เกินควบคุม” เหมือนตอนนั้น — เป็นแรงที่เกิดขึ้นเองจากอุปสงค์ทั่วโลก

 

ปี 1971 — “Nixon Shock” ยกเลิกการผูกทองกับดอลลาร์

• เมื่อรัฐบาลปล่อยทองเข้าสู่ตลาดเสรี ราคาทองพุ่งหลายเท่าในไม่กี่ปี
• นั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ทองในฐานะสินทรัพย์เสรี”

เทียบกับ Bitcoin ตอนนี้:

Bitcoin ก็เป็น “สินทรัพย์เสรีโดยธรรมชาติ” — ไม่มีรัฐบาลไหนควบคุมได้

แต่ตอนนี้กำลังอยู่ “ระหว่างเปลี่ยนผ่าน” เหมือนทองในยุค Nixon Shock

คือจากสินทรัพย์ที่คนกลัว → กำลังจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่ระบบการเงินโลกต้องยอมรับ

 

อ้างอิง

https://www.spdrgoldshares.com/media/GLD/file/GLD_and_the_Price_of_Gold.pdf
https://www.marketpulse.com/markets/gold-rally-driven-by-massive-etf-inflows/
https://www.gold.org/goldhub/research/etf-flows

อ่านบทความเพิ่มเติม

หลัง ETF ผ่านแล้ว โลกคริปโตจะโตแบบทองคำไหม?
Bitcoin All-Time High ทำจุดสูงสุดอีกครั้ง "เหนือ $126,000"